top of page
ค้นหา

[ รีวิวศัลยกรรม ] การดูดไขมันแบบ S curve เอวในฝันของสาวๆค่ะ

อัปเดตเมื่อ 29 พ.ค. 2563

💓สวัสดีค่ะ💓

♥ Aey Surgery มาแล้วค่ะ


The Best version of youself มาชวนสาวๆเป็น version ที่ดีที่สุดในชีวิตกันค่ะ หุ่นในฝัน เอวคอด ใส่เสื้อเอวลอยได้ พุงไม่ปลิ้น ตัวแบนราบ ใครๆก็อยากได้นะคะ การดูดไขมัน ไม่ง่ายอย่างที่สาวๆคิดนะคะ ฝีมือคุณหมอคือปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำการดูดไขมันเลยค่ะ เพราะนอกจากจะดูดไขมันในชั้น Fatcell ออกให้หมดแล้ว ก็ยังต้องทำการจัดแต่งรูปทรงให้ออกมาสวยงามที่สุด และไม่ให้เกิดผลข้างเคียงจากการผ่าตัด ดังนั้นการเลือกคุณหมอสำหรับดูดไขมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดค่ะ

เอวผอมบางจับแล้วไร้ไขมัน มีทรวดทรงที่สวยงามเว้าเร้าใจ คือสิ่งที่สาวๆอยากได้กันเสมอ การดูดไขมัน (Liposuction) คืออะไร? การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นศัลยกรรมการตกแต่งรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ และกำจัดไขมันส่วนเกินออก ซึ่งไขมันในร่างกายหลายส่วนที่สะสมมานานเป็นไขมันที่กำจัดออกได้ยาก ดังนั้นการดูดไขมันคือคำตอบสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดไขมันส่วนเกินในร่างกายเพื่อให้ได้สัดส่วนที่สวยงามค่ะ การดูดไขมันเป็นการปรับสัดส่วนและทรวงทรงให้ได้ตามที่คนไข้ต้องการ และเป้าหมายไม่ใช่การลดน้ำหนักนะคะ แต่การดูดไขมันจะทำให้ได้สัดส่วนในฝันค่ะ และควบคุมได้ตามต้องการ ยกตัวอย่างเช่นการลดน้ำหนักคนไข้จะไม่สามารถควบคุมได้ว่าอยากให้สัดส่วนช่วงไหนลงบ้าง แต่การดูดไขมันจะเป็นการศัลยกรรมที่ทำให้คนไข้ได้รูปร่างตามต้องการมากที่สุดค่ะ เช่น ผู้ชายต้องการลดไขมันหน้าท้องเพื่อให้เห็น sixpack หรือผู้หญิงที่ต้องการให้ขาเล็กเรียว แขนเรียวสวย ช่วงตัวเป็นทรงนาฬิกาทรายและไม่มีไขมันส่วนเกิน ในเรื่องของรูปร่างการดูดไขมันคือคำตอบที่ดีสำหรับคนไข้ค่ะ เราสามารถดูดไขมันส่วนไหนได้บ้าง? ส่วนที่นิยมดูดไขมันคือ หน้าท้อง เอวข้าง เอวหลัง สะโพกบน ต้นขา น่อง braline แขน หน้าอก จริงๆแล้วเราสามารถดูดไขมันได้ทุกส่วนของร่างกาย ตามภาพด้านล่างค่ะ

บริเวณของไขมันในร่างกาย เราสามารถแบ่งไขมันในร่างกายเราออกเป็น 2 ส่วนดังนี้

1. Visceral fat (ไขมันช่องท้อง) เป็นไขมันที่แทรกอยุ่ตามอวัยวะและปกคลุมอวัยวะภายใน เป็นพื้นที่ส่วนแรกที่ไขมันจะมาสะสม แต่เวลาเผาผลาญออกจะถูกใช้เป็นส่วนสุดท้าย ไขมันในส่วนนี้มีผลโดยตรงกับสุขภาพและอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะทำให้เกิดโรคต่างๆหลายโรค เพราะเป็นไขมันที่แทรกซึมเข้าสู่อวัยวะหลายส่วน เช่น ตับ และหลอดเลือด เป็นสาเหตุของโรคหัวใจ รวมถึงภาวะภูมิแพ้ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทำให้ไม่แข็งแรง และร่างกายเสื่อมสภาพเร็วกว่าอายุจริง การลดไขมันส่วนนี้จะต้องออกกำลังกายและควบคุมอาหารเท่านั้นค่ะ 2. Subcutaneous fat (ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง) ไขมันที่เห็นตาม ท้อง เอว สะโพก และ ต้นขาส่วนบน คือไขมันส่วนนี้ค่ะ เป็นส่วนที่ไขมันจะมาสะสมเป็นลำดับที่สองถัดจากไขมันช่องท้อง ซึ่งไขมันในส่วนนี้ คือส่วนที่คุณหมอสามารถทำการดูดไขมันออกได้ค่ะ

ก่อนดูดไขมัน ↬ การดูดไขมันมี 4 วิธี ↫


1.VASER การดูดไขมันที่ใช้เครื่องมือ Ultrasound ซึ่งเครื่องรุ่นแรกสุดที่มีการผลิตออกมา เริ่มจากการฉีดน้ำเกลือเข้าไปในตำแหน่งที่จะดูดไขมัน และสอดเครื่องมือเข้าไปแล้วทำการปล่อยคลื่น ultrasound ผ่านหัว vaser ขนาด 3 มิลลิเมตร และคลื่น Ultrasound จะช่วยย่อยสลายไขมันให้เหลวและละลายจนแพทย์สามารถทำการดูดออกมาได้ ข้อดีคือวิธีนี้สามารถดูดไขมันได้ปริมาณมากแต่ไม่สามารถกระชับผิวหนังหลังการดูดได้ และเป็นวิธีที่คนไข้จะเจ็บที่สุดค่ะ 2. BodyTite หลังจาก Vaser ประมาณ 7 ปี ก็มีการดูดไขมันแบบใหม่พัฒนาขึ้นมาซึ่งคือการดูดไขมันแบบ BodyTite ค่ะ วิธีนี้ใช้คลื่นความถี่วิทยุ (Radio frequency: RF) ในการทำให้ไขมันแตกตัวให้เป็นขนาดที่สุดที่ง่ายกับการดูด ไขมันจะมีเลือดปนน้อย และทำการกระชับผิวหนังได้ด้วย ทำให้ไม่ฟกช้ำมาก และผิวหนังไม่เป็นคลื่น แต่ไม่สามารถดูดไขมันได้ปริมาณมากแบบ Vaser ค่ะ 3. Water Jet วิธีนี้คือการใช้พลังงานน้ำในการแยก fat cell ออกจากผิวหนัง เป็นวิธีที่คนไข้จะเจ็บน้อยที่สุด และไขมันที่ดูดออกมาเป็นไขมันที่สภาพสมบูรณ์ ยังมีชีวิต และระบบนี้ปลอดเชื้อเป็นระบบปิดสามารถเอาไขมันไปฉีดในส่วนอื่นๆของร่างกายได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการนำไขมันไปเติมเต็มส่วนอื่นๆ ดังนั้นวิธีนี้ คนไขัจะเจ็บน้อย นำไขมันไปเติมส่วนอื่นได้ ผิวไม่เป็นคลื่นหลังจากการดูดไขมัน และสามารถดูดไขมันอย่างซอกซอนไปในจุดที่ดูดยากได้ 4. Power Assisted Liposuction การดูดไขมันด้วยเครื่องสั่น เป็นเครื่องที่พัฒนารุ่นหลัง ใช้ระบบสั่นช่วยในการดูดไขมันให้ไหลออกมาได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่พังผืดมีความแข็งแรง เช่น กลางหลัง หรือบริเวณที่เคยดูดไขมันมาก่อนแล้วต้องทำซ้ำ สาเหตุที่เครื่องแบบ PAL ไม่ได้ใช้กันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากราคาเครื่องค่อนข้างสูง

⇛ วิธีการดูดไขมันที่ รพ.นานะ เลือกใช้มากที่สุดคือการดูดไขมันแบบ Water Jet ⇚

อันดับแรกเพราะสาวๆนิยมนำไขมันที่ดูดออกมาไปเติมเต็มส่วนต่างๆ เช่นใบหน้า หน้าอก เพราะได้เซลล์ไขมันที่มีชีวิตและสมบูรณ์แบบทีสุด และทำให้ลูกค้าเจ็บน้อยหรือไม่เจ็บเลย ไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนวิธีอื่นๆด้วยค่ะ หลังจากดูดคนไข้สามารถกลับที่พักได้เลย และใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปรกติค่ะ แต่คุณหมอฮวังดงยอน ผู้อำนวยการ รพ.นานะ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันและหน้าอก คุณหมอจะใช้วิธีการดูดไขมันหลายวิธีรวมกันขึ้นกับรูปร่าง ปริมาณไขมัน และตำแหน่งไขมันของคนไข้ เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด และคนไข้ต่างพึงพอใจผลลัพท์จากการดูดไขมันของคุณหมอเป็นอย่างยิ่งค่ะ ส่วนข้อเสียของการดูดไขมันแบบ Water Jet คือ อาจมีน้ำหรือไขมันตกค้างได้ แต่ไม่น่าเป็นกังวลค่ะ เพราะด้วยฝีมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรานั้น คุณหมอสามารถระบายน้ำเกลือออกมากได้เกือบหมดทำให้ไม่ตกค้างในร่างกาย และเย็บปิดแผลเรียบร้อยหลังผ่าตัด และเราจะใส่ชุดรัดให้ลูกค้าตั้งแต่ในห้องผ่าตัดเลยนะคะ ลูกค้าจะตื่นมาพร้อมกับใส่ชุดกระชับเรียบร้อย ดังนั้นลูกค้าจะไม่ต้องทนเจ็บจากการดึงชุดกระชับเวลาสวมใส่ค่ะหลังดูดไขมัน 3 วัน ⇏ การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน ⇍

หลังดูดไขมัน 3 วัน ⇏ การเตรียมตัวก่อนดูดไขมัน ⇍

ตรวจสุขภาพอย่างละเอียดที่ศูนย์ตรวจสุขภาพครบวงจรของรพ.นานะค่ะ เช่นการตรวจเลือด ตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจการติดเชื้อที่อันตรายอย่างเอดส์และไวรัสตับอักเสบบี รวมถึง ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจด้วยค่ะ งดทานวิตามิน อาหารเสริมและยา ก่อนผ่าตัด 14 วันค่ะ ยาที่ห้ามทานเด็ดขาดคือยาละลายลิ่มเลือด ยาแก้ปวดต่างๆ ถ้ามียาที่ทานประจำ จะต้องแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้งค่ะ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง และไม่เจ็บป่วยก่อนรับการผ่าตัดนะคะ

แผลจากการดูดไขมันแบบ Water Jet 👀


การดูดไขมันด้วยวิธีนี้แทบจะไม่เป็นแผลเป็นเลยนะคะ แผลที่เจาะเป็นจุดเล็กแค่ 2-3 mm เท่านั้นค่ะเพราะว่าเป็นวิธีที่นุ่มนวลอ่อนโยนมากที่สุดทำให้ไม่เกิดพังผืดและการอักเสบด้วยค่ะ แถมยังเจ็บน้อยและฟื้นตัวได้ไว แต่อย่างไรก็ตามคนไข้จะต้องปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันเป็นศัลยกรรมที่ค่อนข้างมีความเสี่ยงค่ะ การเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลจึงสำคัญเป็นอย่างมาก

👉 สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูดไขมัน 👈

ดังนั้น อันดับแรกที่ต้องตัดสินใจคือ แพทย์ที่จะทำการผ่าตัดดูดไขมันให้กับเราค่ะ ตรวจสอบว่าแพทย์ท่านนั้นๆเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์จริงหรือไม่ และเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาลที่ถูกต้อง เพราะถ้าหากทำกับแพทย์และคลินิกที่ไม่น่าเชื่อถือก็อาจเกิดความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้

หลังดูดไขมัน 7 วันค่ะ หุ่นดีเริ่มเห็นลางๆแล้วนะคะ มาลุ้นกันต่อไปค่ะ การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน หลังจากดูดไขมันแล้ว อย่าลืมว่าเราต้องควบคุมอาหารและออกกำลังกายนะคะ การใส่ชุดกระชับสัดส่วนสำคัญอย่างมากเลยค่ะ ควรใส่ 1-6 เดือน เพื่อให้ผิวหนังบริเวณที่ดูดไขมันนั้นกระชับมากยิ่งขึ้นนะคะ

การทำลดบวม RF หลังการดูดไขมัน 7 วันค่ะ

คนไข้สามารถทำ RF ได้วันเว้นสองวันนะคะ แนะนำให้ทำประมาณ 10 ครั้ง

เพื่อที่จะยุบบวม และกระชับได้ไวที่สุดค่ะ

หลังดูดไขมัน 1 เดือน

เริ่มยุบบวมแล้วนะคะ ถึงแม้จะยังยุบบวมไม่หมด แต่ก็เห็น S-Curve ได้อย่างชัดเจนค่ะ

 หลังดูดไขมัน 2 เดือน โดยที่ยังไม่ได้ออกกำลังกายเลยนะคะ จะเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องได้เลยนะคะ เพราะไขมันทีปกคลุมกล้ามเนื้ออยู่ได้ถูกดูดออกไปแล้วค่ะ

การยุบบวมหลังการดูดไขมัน ช่วง 14 วันแรกจะบวมขึ้น หลังจากนั้นจะยุบลงค่ะ จะยุบบวม 50% เมื่อครบ 2 เดือน จะยุบบวม 80% เมื่อครบ 4 เดือน จะยุบบวม 100% เมื่อครบ 6 เดือน

การใส่ชุดรัดแนะนำให้ใส่เกิน 1 เดือน และใส่ได้นานสุดเท่าที่ทำได้ **โดยที่ควรแก้ขนาดให้เล็กและกระชับตลอดเวลานะคะ** 💗 อย่าลืมออกกำลังกายและควบคุมอาหารด้วยนะคะสาวๆ จะได้มีหุ่นสวยอยู่กับเราไปนานๆค่ะ 💗

💓 ฝากติดตามเรื่องราวและสาระดีๆในตอนต่อไปด้วยนะคะ 💓


♥ Aey Surgery ขอบคุณค่ะ

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

และปรึกษาผ่านทางไลน์ @Aeysurgery (มี@ด้วยค่ะ) ได้เลยนะคะ


Add LINE คลิ๊กที่ปุ่ม >>

YOUTUBE คลิ๊กที่ปุ่ม >>

LINE: @Aeysugery IG: @aey_surgery FREE 📣พาบิน FREE 📣ตรวจร่างกาย และ ยา FREE 📣คนดูแล FREE 📣อาหาร FREE 📣พาเที่ยว FREE 📣บริการจองตั๋วเครื่องบิน FREE 📣คืน Tax Refund FREE 📣รถรับ-ส่ง FREE 📣ที่พัก FREE 📣ทรีทเม้นต์ลดบวมหลังผ่าตัด

AEY SURGERY Location : Gangnam-gu, Seoul, South Korea Line ID : @Aeysurgery Facebook : https://www.facebook.com/AeyPatrick/ IG : https://www.instagram.com/aey_surgery/ Blog : aeysurgery.blogspot.com Phone number: +66 952826615 (Thai hotline) e-mail : aeysurgery@gmail.com Youtube Channel : https://www.youtube.com/channel/UCLexD8mSRjZ2Vj4DmvNFwHQ


ดู 1,908 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page