top of page
ค้นหา

รู้หรือไม่ว่าผู้หญิง12ล้านคนทั่วโลกเสริมหน้าอก !!เสริมกี่ccกรีดทางไหน ซิลิโคนอะไรเหมาะตอบทุกข้อสงสัย

อัปเดตเมื่อ 29 พ.ค. 2563

💓สวัสดีค่ะ💓

♥ Aey Surgery มาแล้วค่ะ ♥

ไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะว่าทั่วโลกจะมีสาวๆที่ทำศัลยกรรมหน้าอกเยอะขนาดนี้ การผ่าตัดเสริมหน้าอกยังเป็นการผ่าตัดเสริมความงามที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอันดับที่ 1

ผลงานการเสริมหน้าอก รพ.นานะ เริ่มจากมาพิจารณากัน ว่าปัญหาหน้าอกของคุณเป็นแบบใด ปัญหาของคนที่ตัดสินใจศัลยกรรมหน้าอกมักจะมี 2 ข้อ คือ


1. ขนาดเต้านมเล็ก ไม่สมส่วนกับสรีระ หน้าอกดูเล็ก แบน ทำให้ขาดความมั่นใจ หรือไม่มีเนินอกใส่เสื้อผ้าไม่สวย เป็นการทำศัลยกรรมเพิ่มความมั่นใจให้คนไข้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้อายุน้อยไม่เกินสามสิบปีหรือเกินกว่านั้นแต่ยังไม่มีบุตร

เต้านมเล็ก


2. หน้าอกหย่อนคล้อย หญิงสูงวัย ผู้ที่มีบุตร และผู้ที่ลดน้ำหนักลงมาก จะทำให้เต้านมหย่อนคล้อยค่ะ ดูไม่สวยงามไม่ได้รูป ทำให้ขาดความมั่นใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้ที่หน้าอกหย่อนคล้อย จะทำได้สองแบบคือ ยกกระชับหน้าอก หรือ ยกกระชับพร้อมทั้งเสริมเนินอกให้สวยในคราวเดียวกันค่ะ

หน้าอกหย่อนคล้อย คนที่เหมาะสมในการเสริมหน้าอก

1. อายุตั้งแต่ 22 ปีขึ้นไป เพื่อให้เต้านมหยุดเจริญเติบโต มีร่างกายที่แข็งแรง 2. มีความรู้สึกว่าหน้าอกมีขนาดเล็กต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 3. ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดมะเร็งเต้านมมาและหายขาดจากโรคมะเร็งแล้ว 4. ผ่านการลดน้ำหนักมาและพบว่ารูปร่างและขนาดของหน้าอกเปลี่ยนไป 5. ต้องการเพิ่มความมั่นใจในการสวมเสื้อผ้าบางชนิด เช่น ชุดว่ายน้ำ เสื้อผ้าที่ไม่มีแขนเป็นชุดสายเดี่ยวหรือเกาะอก 6. สวมใส่เสื้อผ้าแล้วรู้สึกว่าหน้าอกมีสัดส่วนที่เหมาะสมกับ ไหล่ ลำตัว และสะโพก 7. หลังจากคลอดบุตรแล้วเต้านมมีขนาดเล็กและนิ่มเหลวมากผิดปกติ 8. ต้องการเพิ่มความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้าโดยไม่ต้องเสริมฟองน้ำ ใส่เสื้อเว้าหลัง หรือโนบรา 9. ศัลยกรรมหน้าอกสำหรับสาวประเภทสองให้มีหน้าอกเหมือนผู้หญิงจริงๆ 10. ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ 11. ไม่มีภาวะทางจิต หรืออาการวิตกจริต หรือความคาดหวังในผลลัพท์เกินจริง 12. สำหรับคนไข้ที่เต้านมสองข้างขนาดไม่เท่ากัน

คนที่ไม่ควรเสริมหน้าอก

1. ผู้ที่มีอาการติดเชื้อบริเวณใด ๆ ของร่างกาย 2. ป่วยเป็นโรคมะเร็งหรือเคยมีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมที่ยังไม่ได้รับการรักษาจนหายดี 3. หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือหย่านมบุตรยังไม่ครบสามเดือน 4. มีภาวะความผิดปกติโรคจิตเภท โรคซึมเศร้า หรือมีความวิตกกังวลมากผิดปกติ 5. ร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะผ่าตัดใหญ่ได้ 6. มีโรคประจำตัวที่มีอันตรายต่อการผ่าตัด เช่นโรคหัวใจ หรือโรคปอดที่ยารักษาได้ไม่ดี 7. เป็นโรค HIV 8. อายุน้อยกว่า 22 ปี 9. แพ้สารแปลกปลอมต่างๆที่นำเข้าสู่ร่างกาย 10.โรคที่มีภาวะผิดปกติเกี่ยวกับภูมิต้านทานตัวเอง เช่น SLE 11. มีภาวะของร่างกายที่มีผลต่อการหายของแผล เช่น กำลังให้ยาเคมีบำบัด 12. มีผิวหนังที่ไม่ยืดหยุ่นเพียงพอที่จะเสริมหน้าอกด้วยถุงเต้านมได้ เช่น เคยได้รับการฉายรังสีในปริมาณสูง 13. มีการติดเชื้อหรือเป็นฝีที่ใดที่หนึ่งในร่างกาย 14. โรคทางศัลยกรรมหรืออายุรกรรมที่ยาควบคุมไม่ได้เช่นมะเร็งเต้านมที่ยังไม่ทราบระยะแน่นอน 15. มะเร็งเต้านมที่รักษายังไม่เรียบร้อย

👌เอาล่ะค่ะ จากบทความข้างต้น ถ้าคุณเป็นคนที่เหมาะสมในการเสริมหน้าอก เราก็มาดูกันต่อเลยนะคะ ว่ามีวิธีใดในการเสริมหน้าอกบ้าง และเราควรเสริมวิธีไหนค่ะ😄 วิธีในการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน มี 2 วิธี - การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation) - การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation) ซึ่งสามารถทำวิธีใดวิธีนึงหรือทั้งสองวิธีร่วมกันได้ค่ะ การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation) คือการซิลิโคนที่ใช้เสริมหน้าอกในปัจจุบันเกือบทั้งหมดจะใช้ซิลิโคนเจล (Silicone Gel) ซึ่งผิวภายนอกเป็นถุงซิลิโคนและภายในมีลักษณะเป็นเจลซึ่งมีมากมายหลายยี่ห้อค่ะ


ผิวซิลิโคน มี 2 ชนิด 1. ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดหยาบหรือผิวทราย (Textured) 2.ผิวภายนอกซิลิโคนแบบผิวเรียบ (Smooth)


เราควรเลือกซิลิโคนแบบไหนดีระหว่างผิวเรียบและผิวทราย ในกรณีเสริมใต้กล้ามเนื้อ จะเปรียบเทียบได้ดังนี้


  • ผิวทรายเกิดริ้วง่ายกว่าผิวเรียบ

  • ผิวทรายมีโอกาสเกิดมะเร็งมากกว่าผิวเรียบ

  • ผิวทรายเกิดเลือดคั่งง่ายกว่าผิวเรียบ

  • ผิวเรียบมีโอกาสที่ซิลิโคนจะไหลง่ายกว่า

  • ผิวเรียบดูแลหลังผ่าตัดง่ายกว่าผิวทราย

  • ผิวเรียบนิ่มกว่าผิวทราย


ทรงของซิลิโคนส่วนมากจะแบ่งเป็น 2 ทรง


1. ทรงกลม (Round Breast Implant) จะเป็นธรรมชาติมากกว่าทรงหยดน้ำ และมีความยืดหยุ่น เนื่องจาก Cohesive Gel ด้านในจะเหลวกว่าทรงหยดน้ำ เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการมีเต้านมรูปร่างกลม และเติมเต็มส่วนบนของเต้านม 2. ทรงหยดน้ำ(Teardrop Breast Implant) เหมาะกับผู้ที่มีต้นทุนเดิมค่อนข้างน้อย คนไข้กลุ่มนี้ถ้าใส่ทรงกลมจะดูไม่สวย เพราะจะเห็นซิลิโคนเป็นบล็อก การใส่ทรงหยดน้ำจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า โดยส่วนมากมักจะใช้ได้กับเต้านมบางแบบที่ต้องการจะเสริมเน้นเป็นส่วนๆ ไป เช่น ส่วนด้านล่างของเต้านม

เปรียบเทียบซิลิโคนทรงกลมและหยดน้ำ

การเลือกซิลิโคนสำหรับผู้หญิง VS สาวประเภทสอง

1. ผู้หญิง สำหรับสาวที่พอมีเนื้อนมอยู่พอประมาณ อาจใช้ซิลิโคนทรงต่ำ ซึ่งเสริมอกแล้วจะทำให้ อกดูชิดกันมากขึ้น ส่วนสาวที่มีเนื้อน้อย และมีฐานหน้าอกค่อนข้างกว้าง อาจใส่เป็นทรงสูงเพราะเสริมอกแล้วจะดูมีหน้าอกเหมือนธรรมชาติมากกว่าจ๊ะ 2. สาวประเภทสอง ส่วนใหญ่สาว 2 จะมีฐานหน้าอกกว้างกว่าสาวแท้ จึงควรเลือกซิลิโคนที่มีฐานกว้าง และไซส์ใหญ่กว่าสาวแท้ทั่วไป เพื่อให้ดูเหมาะสมกับโครงสร้าง และดูอึ๋ม ตามธรรมชาติ และไม่ดูเหมือนเอาก้อนกลม ๆ มาแปะตรงอกไว้มากเกินไป


👀 เลือกขนาดอย่างไร!! สำหรับทาง รพ.นานะ ขนาดที่เสริมให้ลูกค้าโดยปรกติ มีตั้งแต่ 200-500 cc. แล้วแต่ความต้องการของคนไข้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยและการไม่มีปัญหาหลังผ่าตัด ซึ่งคุณหมอจะเป็นคนให้รายละเอียดกับคนไข้แต่ละคนว่าสามารถเลือกใส่ขนาดใดได้บ้าง และผลลัพท์จะต่างกันอย่างไร การเลือกขนาดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความสูง ความกว้างของช่วงไหล่ รวมถึงเนื้อหน้าอกว่า มีมากพอที่จะรองรับซิลิโคนได้หรือไม่ ถ้าเนื้อหน้าอกน้อยแต่เสริมเข้าไปเยอะ เมื่อคลำดูอาจจะเจอขอบซิลิโคน ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ถ้าคนไข้ตัวเล็กแต่เสริมขนาดใหญ่เกินไปก็จะดูไม่สมส่วน 💓วิธีเลือกซิลิโคนขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม💓 1. ขนาดความสูงและความกว้างของลำตัว 2. ขนาด ความกว้าง ความยาวของช่วงหน้าอก 3. ลักษณะความหย่อนและความหนาของเนื้อหน้าอกเดิม 4. ปริมาณไขมันบริเวณหน้าอก 5. ความยืดหยุ่นของเนื้อเต้านม 6. ลักษณะโครงกระดูกของหน้าอก นำค่าที่ตรวจวัดนี้มาคำนวณหาขนาดของซิลิโคนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพท์ดังนี้

1. ไม่เห็นริ้วของซิลิโคนเพราะเนื้อหน้งไม่บางเกินไป 2. นิ่มโดยไม่ต้องนวด สัมผัสเหมือนหน้าอกจริง 3. ขนาดสวยพอดี ดูเป็นธรรมชาติ 4. ไม่ใหญ่เกินไปจนทำให้ดูหน้าอกห้อยหรือมีปัญหาการหย่อนยานในเวลาอันเร็ว 5. สามารถอยู่ในร่างกายได้ยาวนานโดยที่ไม่มีปัญหา

👵อายุเกี่ยวข้องอย่างไรกับการเสริมเต้านม!! ความยืดหยุ่นของผิว และทรงของหน้าอกจะแตกต่างกันตามอายุของคนไข้ กรณีที่คนไข้ยังอายุน้อยจะทำให้มีการฟื้นตัวเร็วและหน้าอกกระชับ ไม่หย่อนคล้อย และดูเต่งตึง แต่จะทำให้ใช้ระยะเวลาพอสมควรในการเข้าที่เพราะมีความตึงสูง และในทางตรงกันข้าม การเสริมหน้าอกในช่วงที่อายุมากขึ้น โดยเฉพาะหลังมีบุตร หน้าอกจะมีการขยายตัวมาบ้างแล้ว และมีความยืดหยุ่น ทำให้รูปทรงเข้าที่ได้เร็ว แต่ก็อาจทำให้มีการหย่อนคล้อยเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะบางรายที่หน้าอกเดิมมีการหย่อนคล้อยมากอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดยกกระชับไปด้วย


ซิลิโคนสุดฮิตในขณะนี้ Motiva ดีอย่างไร? จุดเด่นของ Motiva Implants รุ่น ErgonomixTM

1. ผิวสัมผัส เนียนนุ่ม (Surface) จุดเด่นประการสำคัญของ Motiva Implants รุ่น ErgonomixTM คือ ผิวของซิลิโคนหน้าอกที่เนียนนุ่ม ดูเป็นธรรมชาติ เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของหน้าอก ใส่สบายตัวกว่าแบบอื่น ผิวสัมผัสแบบ กึ่งเนื้อทราย กึ่งผิวเรียบ อีกอย่าง ผิวซิลิโคนทั่วไปอาจมีส่วนผสมของเกลือและน้ำตาล ทำให้เกิดความระคายเคืองได้ในระยะยาว ต่างจากผลิตภัณฑ์ของ โมทิวา ที่ใช้เทคโนโลยี Motiva nano-texture surface ที่ปลอดภัย ไร้เกลือและน้ำตาลเป็นส่วนผสม จะไม่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อผู้ใช้ แม้ใช้มาหลายปี 2. ยืดหยุ่นยิ่งกว่า (Elasticity) ซิลิโคนหน้าอก Motiva Implants รุ่น ErgonomixTM แรงรับแรงดึงได้มากถึง 270% จากขนาดปกติ (2.7 เท่าจากขนาดเดิม) ถ้าจะฉีกขาดต้องดึงจนมีขนาด 450% (4.5 เท่าของขนาดเดิม) ซึ่งปกติไม่มีทางที่จะโดนดึงขนาดนั้น อีกทั้ง 2.7 เท่าก็ถือว่ายืดได้มากกว่าคู่แข่ง คืนสภาพได้อย่างรวดเร็ว และคงสภาพเดิมได้ดี ผลจากความยืดหยุ่น ทำให้แผลตอนผ่าตัดเล็กลงมาก จากที่ต้องมีรอยแผลอาจมากถึง 8 เซนติเมตร เหลือประมาณ 2.5 เซนติเมตร ซึ่งรอยที่เล็ก ทำให้แผลศัลยกรรมเสริมอกหายเร็วกว่าเดิมมาก เสริมแบบใต้กล้ามเนื้อ ลดโอกาสเกิดพังผืดได้เป็นอย่างดี ปลอดภัย

3. หมดปัญหาเรื่องซิลิโคนรั่ว (Rheological Properties) โดยปกติมีโอกาสน้อยมากที่สารภายในของซิลิโคนหน้าอกจะรั่ว-แตก แต่ถึงจะยาก ก็ยังคงเกิดเป็นข่าวบ่อยครั้ง ทั้งระคายเคือง จนถึงขั้นต้องเสียหน้าอกไปตลอดกาลก็มี ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าของ Motiva Implants รุ่น ErgonomixTM หมดกังวลได้ เพราะเลือกใช้ เจลคุณภาพสูง ทำให้เมื่อเกิดเหตุรั่ว ซิลิโคนจะยึดเกาะกันแน่นกว่า โอกาสที่สารจะซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ยากมากกว่าผลิตภัณฑ์เสริมหน้าอกจากบริษัทอื่น ปลอดภัย ไร้กังวล

4. รูปทรงดูเป็นธรรมชาติ (Viscosity) ซิลิโคนแบรนด์อื่นๆ ที่นิยมใช้กัน จะมีรูปทรงหยดน้ำ (Anatomical) ดูสวยงามเวลายืน นั่ง แต่จะไม่เปลี่ยนรูปทรงเวลานอนราบ เหมือนซาละเปาคว่ำ ทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่คิด นวัตกรรมของ Motiva Implants รุ่น ErgonomixTM ได้แก้ปัญหานี้ ไม่ว่าจะยืน นั่ง หรือ นอน หน้าอกเทียมจะเปลี่ยนสภาพให้ดูเหมือนกับหน้าอกผู้หญิงจริง เคลื่อนไหวดูเป็นธรรมชาติ ตามแรงดึงดูดของโลก

5. เทคโนโลยีฝังชิพขนาดเล็ก (Q Inside Technology™) ผลิตภัณฑ์ของ โมทิวา อิมแพลนท์ รุ่น เออร์โกโนมิกซ์ มีการฝังชิพขนาด 12 มม. เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่บันทึกข้อมูลหลักฐานการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกไว้ เช่น ขนาดซิลิโคน คลินิกที่ทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก สถานที่ ซึ่งใช้เครื่องมือตรวจจากภายนอกเช็คได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหาภายหลัง เกิดเรื่องยื่นฟ้องคลินิกหรือบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ได้ง่าย หลักฐานครบ ต่างจากซิลิโคนทั่วไปที่อาจเป็นซิลิโคนปลอม สำหรับคนที่กังวล เกรงว่าการฝังชิพจะมีคนทราบว่าไปทำศัลยกรรมมา หรือ ข้อมูลชิพอาจรั่วไหล เลือกที่จะไม่ฝังชิพก็ได้เช่นกัน

6. มีหลายไซส์และหลายทรงให้เลือก (Size and Projection) ซิลิโคนหน้าอกส่วนใหญ่จะมีไม่กี่ขนาดให้เลือก ทำให้อาจใหญ่หรือเล็กเกินไปสำหรับสาวๆ หรือ อาจไม่ได้รูปทรงเข้ากับหน้าอกตนเอง ส่วน Motiva Implants รุ่น ErgonomixTM จะมีขนาดและทรวดทรงที่เหมาะ ให้เลือกแบบขนาดกำลังดี

Bellagel Micro อีกหนึ่งแบรนด์ที่มาแรงไม่แพ้กัน จุดเด่นของ Bellagel Micro


เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาขึ้น จากแบบ Micro Textured เพื่อให้ได้รูปลักษณ์และสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะอยู่ในท่วงท่าใด ให้ความรู้สึกสัมผัสที่คล้ายกับหน้าอกจริง และทำการปรับปรุงความยืดหยุ่นให้ดีขึ้น 1. เมื่อเทียบกับซิลิโคนแบบ Texture ธรรมดาแล้ว เนื้อซิลิโคนมีความละเอียดมากกว่า พื้นผิวของ BellaGel Micro สร้างโดยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ที่มีความละเอียดอ่อนโดยต่อร่างกายมนุษย์ สามารถประสานกับเซลล์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ลดการเกิดสภาวะการสร้างผังผืด หลังการผ่าตัดได้มากที่สุด 2. BellaGel Micro มีวัตถุดิบเป็น Cohesive Silicone Gel ที่มีแรงยึดเกาะสูง เนื่องจาก Cohesive Silicone Gel มีความหนืดสูง ทำให้สามารถทำการเสริมได้ง่ายในระหว่างการผ่าตัด หลังการผ่าตัด จะสามารถสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลอย่างเป็นธรรมชาติ 3. ทำการวิจัยเกี่ยวลักษณะทางกายภาพของผู้หญิงเกาหลี และผู้หญิงทั่วเอเชีย ด้วยคุณสมบัติที่มีอยู่อย่างหลากหลายของ Bellagel Micro จึงได้รับการออกแบบให้มีความเหมาะสมกับรูปร่างของผู้หญิงมากขึ้น 4. BellaGel Micro ประกอบด้วย 5ชั้น ภายในแต่ละชั้นจะมีส่วนของBarrier Layer เพื่อป้องกันการรั่วไหลของเจลสู่ภายนอก 5. BellaGel Micro นั้น เพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับทางศัลยแพทย์ และคนไข้ สร้างความมั่นใจโดยมีระบบการรับประกันซิลิโคน * สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมระหว่างการปรึกษากับศัลยแพทย์ 6. Bellagel Micro ผลิตจาก Cohesive Silicone Gel ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้ ได้รับการอนุมัติให้จำหน่ายจาก Korea New Drug Administration (MFDS) เรียบร้อยแล้ว โดยการทำการตรวจสอบอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานสากล ทั้งในส่วนของการทดสอบการรั่วซึม, ความยืดหยุ่น, ผ่านการทดสอบเชิงกลมากกว่า 20 รายการ และทดสอบความต้านทานแรงดึง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

Bellagel micro breast implant ตำแหน่งของการผ่าตัดสามารถทำได้ 3 ตำแหน่ง ได้แก่


1. ใต้ราวนม เป็นบริเวณที่ได้รับความนิยมเพราะแผลจะหลบอยู่ใต้ราวนมด้านข้าง ยาวประมาณ 3-4 เซนติเมตร มองไม่เห็นแม้เวลานอน (แอบยกเว้นสามีไว้คนนึง) การผ่าตัดทำได้เร็วกว่า จัดรูปทรงได้ง่าย เจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดบริเวณอื่น 2. บริเวณรักแร้ ข้อดีคือไม่มีแผลเป็นอยู่บริเวณเต้านม ทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่มีข้อเสียเล็กน้อยคือ หลังทำจะเจ็บแผลกว่าบริเวณใต้ราวนม และในกรณีถ้าต้องแก้ไข แพทย์มักแนะนำให้ทำบริเวณใต้ราวนม เพราะการแก้ไขทางรักแร้แม้จะทำได้แต่จะได้ผลไม่ดี 3. บริเวณปานนม ปัจจุบันไม่นิยมผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านทางนี้แล้ว เป็นยุคสมัยก่อนทำที่จุดนี้ ข้อดีคือแผลผ่าตัดเข้าถึงเต้านมโดยตรง จึงเจ็บน้อยหน่อย แต่ข้อเสียคือ มีรอยแผลที่รอบปานนม และอาจจะชาบริเวณหัวนมแบบถาวร


ตำแหน่งการวางซิลิโคน

1. วางใต้กล้ามเนื้อ การวางซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อหน้าอกจะดูเป็นธรรมชาติที่สุด เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย วางแล้วมองไม่เห็นขอบของถุงซิลิโคน เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกถึงเนื้อหน้าอกได้เต็มที่ เพราะถุงซิลิโคนจะซ่อนอยู่ใต้กล้ามเนื้อ การเสริมใต้กล้ามเนื้อจะค่อนข้างเจ็บแผลในระยะแรก แต่จะลดโอกาสการเกิดพังผืดได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่คนไทยมีเนื้อหน้าอกน้อย การเสริมในตำแหน่งนี้จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด 2. วางเหนือกล้ามเนื้อ การวางซิลิโคนตำแหน่งนี้เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกพอสมควร ไม่เหมาะกับคนรูปร่างผอมบาง เพราะเนื้อบริเวณหน้าอกจะน้อย ยิ่งผิวหนังบางเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีโอกาสเห็นซิลิโคนชัดมากขึ้น จะดูไม่เป็นธรรมชาติ แม้ว่าการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อจะเจ็บปวดน้อยกว่าการวางใต้กล้ามเนื้อ แต่ตำแหน่งนี้มีโอกาสเกิดพังผืดสูง ถ้านวดไม่ดี

รูปการวางซิลิโคน เทียบ ก่อนศัลยกรรม เสริมเหนือกล้ามเนื้อ และเสริมใต้กล้ามเนื้อ การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Augmentation)

การเสริมหน้าอกด้วยการปลูกถ่ายไขมันที่หน้าอก ก็ไม่ต่างกับการปลูกถ่ายไขมันส่วนอื่นๆในร่างกาย โดยเราจะดูดไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่นิยมเช่นต้นขา หรือหน้าท้อง แล้วทำมาปั่นสกัด และฉีดกลับไปในตำแหน่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะใบหน้าหรือหน้าอก วิธีการก็จะไม่แตกต่าง ส่วนบริเวณที่ใช้ในการดูดไขมันบ่อยๆได้แก่ บริเวณต้นขาด้านนอก ต้นขาด้านใน บริเวณเอว บริเวณหน้าอก และรอยแผลที่เกิดจากการดูดจะมีขนาดเล็กมาก ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร และเราจะซ้อนรอยแผลไว้ในบริเวณขาหนีบ หรือใต้ร่มผ้า ส่วนใหญ่มักจะมองไม่เห็น จึงไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นใดๆค่ะ ทำไมถึงต้องใช้การเสริมหน้าอกด้วยไขมันในเมื่อมีวิธีการใช้ซิลิโคนเสริมหน้าอกอยู่แล้ว ต้องอธิบายว่าถ้าเราจะใช้ไขมันในการทดแทนซิลิโคนเลยนั้น ปัญหาคือวิธีนี้ไม่สามารถที่จะเสริมให้มีขนาดใหญ่มากได้ เพราะการฉีดไขมันเข้าไปเยอะ ๆ ไขมันที่เข้าไปถ้าเข้าไปในที่เล็ก ๆ เซลล์ไขมันก็จะตายหรือละลายไป ก็คือจะเสริมให้มีขนาดเล็ก ๆ เท่านั้น หรือจะใช้วิธีนี้ก็ต่อเมื่อต้องการจะแก้เต้านมสองข้างที่มีขนาดไม่เท่ากัน ซึ่งต่างกันเล็กน้อยและฉีดเข้าไปในบริเวณด้านที่เล็กเพื่อให้ดูใกล้เคียงกัน **ข้อควรระวังในการฉีดไขมันเสริมหน้าอก** เซลล์ไขมันที่เราฉีดเข้าไป บางครั้งอาจจะตาย ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรหรือบางที่อาจจะกลายเซลล์เป็นซีส ที่เป็นโรคแทรกซ้อนอีกโรคหนึ่ง ซ้ำจำเป็นต้องผ่าออก อาจจะมีการแข็งตัวของไขมันที่ถูกเข้าไป ทำให้เกิดการสับสนว่าเป็นก้อนที่เกิดจากมะเร็งเต้านมหรือไม่

👀 ถ้ามีการเสริมซิลิโคนแล้ว มีเหตุจำเป็นใดถึงต้องมีการเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง?


การใช้เนื้อเยื่อตนเอง ไม่ใช้วัตถุแปลกปลอม มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่สามารถสลายไปได้บางส่วนแต่การทำคู่กันสองอย่างคือการใส่ซิลิโคนและฉีดไขมันทับ จะเหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกน้อย รูปร่างผอมบาง อกไก่ ซึ่งการฉีดไขมันทับบนซิลืโคนจะทำให้หน้าอกเหมือนธรรมชาติที่สุด และป้องกันการเห็นริ้วของซิลิโคนหรือซี่โครงสำหรับคนที่มีอกไก่ค่ะ (อกไก่เป็นภาวะที่กระดูกหน้าอกและซี่โครงโป่งยื่นออกมาคล้ายอกไก่)

ลักษณะของอกไก่ #Message from Doctor

การตรวจร่างกายก่อนศัลยกรรมหน้าอก

1. ตรวจเลือด 2. เอกซเรย์ปอด 3. ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจตามเกณฑ์ 4. ซักประวัติศัลยกรรมที่ผ่านมาคนไข้โดยละเอียด 5. เช็คการงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนมาผ่าตัด 6. ตรวจสอบว่ามีการหยุดยา 14 วันขึ้นไปสำหรับยาที่ส่งผลกับการผ่าตัด เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามิน หรือสมุนไพร 7. ตรวจสอบว่ามีการหยุดสูบบุหรี่และหยุดดื่มแอลกอฮอล์ 1 เดือนก่อนผ่าตัด


ปรึกษากับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมของ รพ.นานะ เพื่อที่จะจดบันทึกความต้องการและประวัติการศัลยกรรม ที่ผ่านมาของคนไข้เพื่อทำรายงานส่งมอบให้แพทย์

ปรึกษากับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของทางรพ.นานะ


พบแพทย์เจ้าของเคสเพื่อการปรึกษาอย่างละเอียด รวมถึงการวัดขนาดทรวงอก ไหล่ ลำตัว วิเคราะห์ถึงสรีระ ความยืดหยุ่นของผิวหนัง ทดลองใส่ซิลิโคนเพื่อให้คนไข้เห็นว่าจะได้หน้าอกออกมาในรูปแบบใด และสรุปขนาดซิลิโคนที่คนไข้ต้องการ รวมถึงตำแหน่งการกรีดเปิดแผลสำหรับการเสริมหน้าอก

ปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดเกี่ยวกับขนาด และ ตำแหน่งที่กรีด กระบวนการเสริมเต้านม กระบวนการเสริมเต้านมจะทำเป็นขั้นตอนดังนี้ 1. วิสัญญีแพทย์ให้การดมยาสลบก่อนเริ่มการผ่าตัด 2. ศัลยแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัดตามที่ได้วางแผนมา 3. เลาะช่องบริเวณหน้าอก ใส่ซิลิโคน และเย็บปิดแผล **การผ่าตัดเสริมหน้าอกใช้เวลาประมาณ 1.5 - 2 ชั่วโมง


หลังการผ่าตัดและการดูแลหลังเสริมเต้านม


1. การดูแลแผลผ่าตัด ในช่วงสัปดาห์แรกสามารถอาบน้ำได้ เนื่องจากแพทย์จะทำการปิดฟิล์มกันน้ำ แต่หลีกเลี่ยงการลงไปแช่ในน้ำหรือว่ายน้ำในสระ หลังจากพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กและแผลหายดีแล้วจะมีการแนะนำให้ใช้ครีมทาแผลเป็นหรือแผ่นซิลิโคนปิดแผลเป็น 2. การดูแลหน้าอกหลังใส่ซิลิโคน แนะนำให้ใส่บราชนิดไม่มีโครงอย่างน้อย 1 เดือน หลีกเลี่ยงการกดทับหรือกระแทกบริเวณหน้าอก และการออกกำลังกายที่ใช้แขนมากในช่วง 1 เดือนแรก 3. การดูแลอื่น ๆ ได้แก่งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ รวมทั้งของหมักดอง อย่างน้อย 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด 4.การดูแลในระยะยาว หมั่นตรวจเช็กหน้าอกด้วยตัวเองและตรวจแมมโมแกรมตามกำหนด

พบคุณหมอเพื่อทำการตรวจเช็คหน้าอกที่ผ่าตัดไป

อบแสงลดบวมหลังผ่าตัดที่ศูนย์ผิวของรพ.นานะค่ะ

👉มาดูการเสริมหน้าอกของรพ.นานะกันค่ะ👈

ตั้งแต่ก่อนทำจนครบหนึ่งปีเลยนะคะ

ก่อนเสริมหน้าอก

หลังเสริมหน้าอก 2 วัน

หลังเสริมหน้าอก 7 วัน

หลังเสริมหน้าอก 14 วัน

หลังเสริมหน้าอก 30 วัน

หลังเสริมหน้าอก 3 เดือน

หลังเสริมหน้าอก 1 ปี


ภาวะแทรกซ้อนหลังเสริมเต้านม


1. ปวด บวม แผลอักเสบ ติดเชื้อ 2. มีภาวะเลือดคั่ง 3. มีน้ำเหลืองหรือเลือดออกจากแผลผ่าตัด 4. การเกิดพังผืดหดรั้งรอบซิลิโคนหน้าอกทำให้เต้านมแข็งกว่าปกติและอาจผิดรูปได้ 5. อาการชาบริเวณหัวนมหรือบริเวณที่เป็นแผลผ่าตัดซึ่งมักจะเป็นชั่วคราว แต่ก็อาจจะเป็นถาวรได้ 6. คลำเจอก้อนบริเวณหน้าอก 7. ผลข้างเคียงจากยาสลบ ยาแก้ปวด เช่น คลื่นไส้ อาเจียน 8. ซิลิโคนหน้าอกแตกหรือรั่ว ทั้งสองกรณีควรได้รับการผ่าตัดใหม่เพื่อแก้ไข 9. ภาวะเต้านมแฝดคือสองเต้านมมารวมติดกัน

ภาวะผิดปรกติจากการเสริมหน้าอก


"สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเสริมหน้าอกคือศัลยแพทย์ เพราะศัลยแพทย์มีส่วนสำคัญทั้งในขั้นตอนก่อนผ่าตัด การเลือกซิลิโคน การแนะนำวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสม ตลอดจนขั้นตอนการผ่าตัดให้ได้ผลดีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจเสริมหน้าอกควรศึกษาข้อมูลและเลือกศัลยแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านหน้าอก โรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และมีวิสัญญีแพทย์ประจำในการผ่าตัด มีกล้องวงจรปิดในห้องผ่าตัด มีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย และมีผลงานของศัลยแพทย์ให้คนไข้ดูมากเพียงพอในการตัดสินใจ"

💓 ฝากติดตามเรื่องราวและสาระดีๆในตอนต่อไปด้วยนะคะ 💓


Aey Surgery ขอบคุณค่ะ


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

และปรึกษาผ่านทางไลน์ @Aeysurgery (มี@ด้วยค่ะ) ได้เลยนะคะ


Add LINE คลิ๊กที่ปุ่ม >>

YOUTUBE คลิ๊กที่ปุ่ม >>

LINE: @Aeysugery IG: @aey_surgery FREE 📣พาบิน FREE 📣ตรวจร่างกาย และ ยา FREE 📣คนดูแล FREE 📣อาหาร FREE 📣พาเที่ยว FREE 📣บริการจองตั๋วเครื่องบิน FREE 📣คืน Tax Refund FREE 📣รถรับ-ส่ง FREE 📣ที่พัก FREE 📣ทรีทเม้นต์ลดบวมหลังผ่าตัด

AEY SURGERY Location : Gangnam-gu, Seoul, South Korea Line ID : @Aeysurgery Facebook : https://www.facebook.com/AeyPatrick/ IG : https://www.instagram.com/aey_surgery/ Blog : aeysurgery.blogspot.com Phone number: +66 952826615 (Thai hotline) e-mail : aeysurgery@gmail.com Youtube Channel : https://www.youtube.com/channel/UCLexD8mSRjZ2Vj4DmvNFwHQ



ดู 3,908 ครั้ง0 ความคิดเห็น
bottom of page